แนวทางเข้าสู่อาชีพ
การพัฒนาตนเอง หมายถึง
การที่บุคคลกำหนดวัตถุประสงค์หรือเปาหมายในชีวิตของตนเองไว้ล่วงหน้า
และหาวิธีพัฒนาการดำเนินชีวิตให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้
การพัฒนาตนเองในงานอาชีพ หมายถึง การพัฒนาความรู้
ความสามารถของตนเองให้ดีขึ้น ทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม เพื่อให้ตนเป็นสมาชิกที่มีประสิทธิภาพของสังคมและเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
ตลอดจนเพื่อการดำรงชีวิตของตนอย่างมีความสุข
ความสำคัญของการพัฒนาตนเองในงานอาชีพ
บุคคลทุกคนต้องการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
หรือมีชีวิตอย่างเป็นสุขในสังคมประสงความสำเร็จตามจุดมุ่งหมายและความต้องการของตนเอง
พัฒนาตนเองได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมโลก
การพัฒนาตนเองจึงมีความสำคัญ ดังนี้
1. ความสำคัญต่อตนเอง
1.1
เตรียมตนเองให้พร้อมทุกด้าน
เพื่อรองรับต่อสถานการณ์ด้วยความรู้สึกที่ดี
1.2
ปรับปรุงสิ่งที่บกพร่อง และพัฒนาพฤติกรรมให้เหมาะสม โดยขจัดคุณลักษณะที่ไม่ต้องการออก
พร้อมกับเสริมสร้างคุณลักษณะที่สังคมต้องการ
1.3
วางแนวทางให้พัฒนาไปสู่เป้าหมายด้วยความมั่นใจ โดยส่งเสริมความรู้สึก คุณค่าแห่งตนให้สูงขึ้น
เข้าใจตนเอง และทำหน้าที่ตามบทบาทได้
2. ความสำคัญต่อบุคคลอื่น
2.1
เนื่องจากบุคคลในสังคมมีความเชื่อมโยงกัน
การปรับปรุงและพัฒนาตนเองจึงเป็นการเตรียมตัวเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อผู้ที่ติดต่อด้วย
ทั้งบุคคลในครอบครัวและเพื่อนในที่ทำงาน
2.2
เป็นตัวอย่างอ้างอิงให้เกิดการพัฒนาแก่บุคคลอื่น
เป็นประโยชน์ร่วมกันทั้งชีวิตส่วนตัว การทำงาน และอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขในชุมชน
อันจะส่งผลให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
3. ความสำคัญต่อสังคม
3.1
แข่งขันในเชิงคุณภาพและประสิทธิภาพกับสังคมอื่นได้สูงขึ้น
ทำให้เกิดความมั่งคงทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม โดยมีวิธีคิดและทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็นต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพของผลผลิต
3.2
ขจัดปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
อันทำให้เกิดความก้าวหน้าทั้งต่อตนเองและสังคมโดยรวม
คุณสมบัติของบุคคลในการพัฒนาตนเอง
1. มีความกระตือรือร้น
บุคคลที่จะพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้า มีประสิทธิภาพ ต้องมีคุณสมบัติเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติพร้อมต่อความเปลี่ยนแปลง
แสวงหาความรู้ใหม่ๆ ถ้ามีข่าวสารอะไรใหม่ๆ ต้องรู้ ต้องทำความเข้าใจ
ต้องสามารถวิเคราะห์ได้ว่า ข่าวสารนั้นเป็นความจริงทั้งหมดหรือเป็นความจริงบางส่วน
และเป็นความจริงที่มีประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นอย่างไร
2. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เป็นบุคคลที่สามารถทำงานร่วมกันกับบุคคลอื่นได้ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ซึ่งจำเป็นตองมีความเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์
เพราะมนุษย์แต่ละคนมีความแตกต่างกันในเรื่องความคิด อารมณ์ รูปร่างหน้าตา
ลักษณะนิสัย บุคลิกภาพ ซึ่งจะต้องไม่ไปคาดหวังให้ใครเหมือนใคร
และไม่ต้องทำตนให้เหมือนใคร เพียงแต่ว่าจะทำตนอย่างไรโดยให้มีเอกลักษณ์ของตนเอง
และยอมรับในเอกลักษณ์ของบุคคลอื่น
เพียงแต่ว่าจะทำตนอย่างไรโดยให้มีเอกลักษณ์ของตนเอง
และยอมรับในเอกลักษณ์ของบุคคลอื่น โดยสามารถทำงานในชีวิตประจำวันให้ลุล่วงไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดำรงชีวิตครอบครัวให้อยู่กันอย่างสงบสุขและควบคุมอารมณ์ไม่ให้ฟุ้งซ่าน
มีอารมณ์มั่นคง ไม่หวั่นไหวง่าย ไม่หงุดหงิด
ซึ่งจะส่งผลไปสู่ความเป็นบุคคลที่มีสุขภาพจิตเสื่อ ถ้าอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส
ก็จะเป็นบุคคลที่มีสุขภาพจิตดี พร้อมกับต้องให้เกียรติยกย่องบุคคลอื่น
เพื่อให้บุคคลอื่นยกย่องและให้เกียรติตนด้วย
3. ต้องพัฒนาทางร่างกาย
บุคคลควรแต่งกายให้เหมาะสมกับอาชีพการงาน และบุคลิกของตนเอง รวมทั้งการพูด
การรักษาความสะอาด การรักษาสุขภาพให้แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอ
4. เห็นส่วนดีของบุคคลอื่นมากกว่าข้อบกพร่อง
เป็นบุคคลที่พยายามเอาส่วนดีของบุคคลอื่นมาใช้ให้เป็นประโยชน์มากกว่าจะไปคอยจับผิดผู้อื่น
อันจะทำให้ตนเองไม่สบายใจ
5. ต้องพัฒนาทางสังคม
พัฒนาตนเองให้เข้ากับบุคคลอื่นได้ และยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น
6. ต้องพัฒนาทางเชาวน์ปัญญา
บุคคลควรเป็นบุคคลที่ใฝ่รู้ ศึกษาหาความรู้ และประสบการณ์ ทำให้เป็นบุคคลมีความคิด
มีวิจารณญาณ เวลาฟังอะไรก็รู้จักวิเคราะห์ สรุป นำเอาสิ่งดีๆ มาใช้ให้เป็นประโยชน์
สามารถที่จะตัดสินใจหรือแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ด้วยตนเอง
การสำรวจและพัฒนาตนเอง
การสำรวจตนเอง
เป็นการสำรวจสภาพการดำรงชีวิตที่เป็นอยู่ว่าตนเองกำลังเผชิญปัญหาอยู่หรือไม่
ปัจจุบันมีการแข่งขันสูงและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
จนไม่สามารถทันต่อการเปลี่ยนแปลงนั้นได้
ผู้ที่พัฒนาตนเองอยู่เสมอจึงมีโอกาสประสบความสำเร็จในสังคมมากกว่าผู้อื่น ก่อนที่จะพัฒนาตนเองต้องสำรวจ
และวิเคราะห์ให้ถูกต้องว่ามีลักษณะนิสัยอย่างไร จุดใดเป็นจุดเด่นควรรักษาไว้
จุดใดเป็นจุดด้อยควรปรับปรุง การสำรวจตนเองทำได้ 2 วิธี คือ
1. การสังเกต
จะทำให้ทราบลักษณะนิสัยของตนเอง เพราะไม่มีใครรู้จักตนเองดีเท่าตนเอง
การสังเกตตนเองจะเชื่อได้เพียงใด ขึ้นอยู่กับการทำใจเป็นกลาง
ไม่เข้าข้างตนเองหรือดูถูกผู้อื่น ซึ่งทำได้ยาก แต่ควรจะพยายามทำ
ถ้าทำได้จะเห็นตนเองชัดเจนขึ้น การสังเกตตนเองทำได้โดยพิจารณา ดังนี้
1.1
ลักษณะทางร่างกาย ได้แก่ รูปร่างหน้าตา กิริยาท่าทาง การแต่งกาย
ความสะอาด
1.2
ลักษณะนิสัย ได้แก่ ความมีเหตุผล ความเชื่อมั่นในตนเอง
ความเป็นตัวของตัวเอง ความอดทน ความทะเยอทะยาน ความก้าวร้าว ความซื่อสัตย์
ความเฉลียวฉลาด ความรับผิดชอบ ความอิสระ ความสุภาพ ความขยันขันแข็ง
1.3
ลักษณะทางอารมณ์ ได้แก่ การควบคุมอารมณ์ ความเครียด ความกังวล ความโกรธ
ความรัก อารมณ์ขัน
1.4
ลักษณะการเข้าสังคม ได้แก่
การพูด การฟัง การผูกมิตร การสร้างความอบอุ่น เป็นกันเอง ยิ้มแย้มแจ่มใส
1.4
การศึกษาและความสามารถเฉพาะตัว ได้แก่ ความรู้ ความชำนาญ ทักษะพิเศษ
2. การบอกกล่าวของผู้ใกล้ชิด
จะบอกได้ว่าตัวเรามีนิสัยอย่างไร คิดอะไร ต้องการอะไร มีความเชื่อ
ความนิยมชมชอบเรื่องอะไร
คำบอกเล่าของผู้อื่นจะทำให้รู้ลักษณะนิสัยบางอย่างและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาในสิ่งที่ตนไม่รู้
ทั้งนี้ต้องทำใจให้กว้าง ยอมรับฟังและไม่พยายามแก้ตัว การพัฒนาตนเองเป็นสิ่งท้าทายความเข้มแข็งของจิตใจ
เมื่อตั้งใจที่จะพัฒนาตนเองแล้วต้องมีจิตใจเข้มแข็งมุ่งมั่น เลิกนิสัยเก่าๆ
สร้างนิสัยใหม่ๆ หรือลักษณะที่ดีให้กับตนเองให้ได้ จึงจะพัฒนาตนเองได้สำเร็จ
การพัฒนาตนเองมีขั้นตอนดังนี้
2.1
กำหนดให้ชัดเจนว่าจะพัฒนาลักษณะนิสัยใด ด้วยวิธีการอย่างไร
ซึ่งลักษณะที่จะพัฒนาต้องเห็นชอบว่าเป็นสิ่งที่ดีทำให้ตนเองมีคุณค่ามากขึ้น
2.2
วางแผนการพัฒนาทีละเรื่องอย่างเป็นระบบ เริ่มจากเรื่องง่ายๆ ไปหายาก
2.3
กำหนดระยะเวลาที่ใช้ในการพัฒนาให้เพียงพอและสม่ำเสมอ
พยายามทำให้การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนำไปสู่การเปลี่ยนนิสัย
การเปลี่ยนแปลงนิสัยนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพ
และการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพนำไปสู่จุดหมายปลายทาง
วิธีการพัฒนาตนเอง
1. การฝึกตนเอง หมายถึง
การฝึกตนเองให้เป็นผู้ที่มีอนามัยดี รู้จักหลีกเลี่ยนการบันทอนสุขภาพ
รู้จักแบ่งเวลาในการทำงานและการพักผ่อน รู้จักที่จะรักษาสุขภาพกาย นอกจากนั้นต้องฝึกให้เป็นคนรู้จักที่จะอดทน
นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน ฝึกให้เป็นคนที่มีอารมณ์ขันบ้าง
ถ้ามีปัญหาและอุปสรรคก็ต้องพยายามต่อสู้โดยไม่ให้เดือดร้อนทั้งตนเองและผู้อื่น
ที่สำคัญก็คือ การรู้จักพัฒนาความคิดชื่นชมของผู้อื่นมากกว่าที่จะชื่นชมตนเอง
รู้จักที่จะเคารพสิทธิของผู้อื่นไม่ใช่คิดถึงแต่สิทธิของตนเอง
2. ฝึกสำรวจตนเอง หมายถึง การหมั่นพิจารณาตนเองอย่างสม่ำเสมอ
เช่น ในหนึ่งวันตั้งแต่เช้าจนเข้านอนได้ทำอะไรไปบ้าง สิ่งที่ดีงามที่ได้ทำไปแล้วมีอะไรบ้าง
และมีอะไรบ้างที่ยังเป็นข้อบกพร่องและพิจารณาข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
และจะแก้อย่างไร เพื่อที่จะไม่ให้ความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นอีก
3. การแสวงหาความรู้และประสบการณ์อยู่เสมอ
อาจทำได้หลายทาง โดยเฉพาะในปัจจุบันเป็นยุคของข้อมูลสารสนเทศและเทคโนโลยี
ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น
ต้องหมั่นเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์อยู่เสมอด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การอ่าน
การค้นคว้า การฝึกอบรม
ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาความรู้และประสบการณ์โดยตรงด้านวิชาชีพได้มากขึ้น
แนวทางการพัฒนาตนเอง
แนวทางในการพัฒนาตนเองมีคุณลักษณะ 4
ด้าน ดังนี้
1. การแต่งกาย การเอาใจใส่ดูแลการแต่งกายให้สะอาดเรียบร้อย
ทันสมัย รู้จักเลือกเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมกับรูปร่าง สถานที่ เวลา
จะทำให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้น และผู้ที่พบก็อย่างคุยด้วย
ผู้ที่แต่งตัวรุ่มร่ามมาเหมาะสมกับกาลเทศะ อาจทำให้ถูกตำหนิหรือวิจารณ์ได้
และท่าทางก็เป็นสิ่งสำคัญควรระมัดระวังตนเองให้มีกิริยามารยาทที่ดี
เดินด้วยท่าทางที่สง่าผ่าเผย และหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
จะทำให้ผู้อื่นรู้สึกเชื่อถือมากขึ้น
2. ความคิด
การเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์ทำให้มองโลกกว้างขึ้น
รู้สึกมีชีวิตมีคุณค่าไม่น่าเบื่อหน่าย การพัฒนาความคิดทำได้โดย
-
ค้นหาความสนใจของตนเองเพื่อให้ทราบว่าชอบศึกษาค้นคว้าเรื่องอะไร
-
รวบรวมความรู้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องที่สนใจให้มากที่สุด
-
ติดตามความก้าวหน้าหาความรู้ด้านนั้นๆ ให้ทันเหตุการณ์อยู่เสมอ
- หมั่นอ่าน ทบทวนความคิด
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ที่มีความสนใจเรื่องเดียวกัน
3. การควบคุมตนเอง
สังคมจะไม่ยอมรับผู้ที่ไม่ควบคุมตนเอง มีท่าทางฉุนเฉียว ก้าวร้าวเกินควร
ในทางตรงกันข้ามสังคมจะยกย่องนับถือผู้ที่อดกลั้น ควบคุมอารมณ์ตนเองได้
การฝึกควบคุมตนเองต้องพยายามคิดก่อนทำโดยคิดว่าสิ่งที่อยากทำกับสิ่งที่ควรทำเป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่
ถ้าสิ่งที่อยากทำเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ก็ต้องตัดละทิ้งออกไป
การคิดก่อนทำจะทำให้ไม่เสียใจในภายหลัง และได้ทำในสิ่งที่มั่นใจยิ่งขึ้น
4. การผูกมิตร
ความสุขอย่างหนึ่งคือ การได้เป็นมิตรกับผู้อื่น นอกจากจะเป็นเพื่อนไม่ได้
เหงาและว้าเหว่แล้ว มิตรยังให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดความเดือดร้อน
การผูกมิตรมีหลักการ ดังนี้
- เรียงลำดับจากง่ายไปหายาก
คือ ผูกมิตรกับผู้ที่ต้องการคบหาสมาคมกับเรา ถูกนิสัยใจคอกัน และสุดท้ายคือ
บุคคลที่เราต้องการคบหาด้วย
- ควรเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์
ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร สิ่งสำคัญคือ ไม่มีใครชอบบุคคลที่พูดมาก อวดรู้
ดูถูกหรือชอบตำหนิผู้อื่น ทุกคนตองการให้ผู้อื่นยกย่องชมเชย
ชอบให้ผู้อื่นฟังเมื่อตนพูด และจะสนใจเรื่องราวของตนเองมากกว่าผู้อื่น
ทุกคนชอบผู้ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
- ทักทายผู้อื่นเสมอ
อย่าลืมกล่าวคำว่า ขอโทษ ขอบคุณ และให้ความช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจ
ที่มา : หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน การงานอาชีพ ม.4-6 บริษัท สำนักพิมพ์เอมพันธ์ จำกัด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น